ภายหลังมีข่าวสารว่า หงส์แดง เริ่มตื่นตระหนกเกี่ยวกับภาวะความฟิตของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ได้รับบาดเจ็บรอบๆข้อเท้าระหว่างเกมที่ หงส์แดง ชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อสุดสัปดาห์ก่อนหน้าที่ผ่านมา ทำให้ช่วงนี้ "ลิเวอร์พูล" เริ่มบางทีอาจคิดที่จะพัก "บังโม" บางเกม เพราะว่าถ้าเกิดนักฟุตบอลคนสำคัญกำเนิดเดี้ยงหนัก จนถึงบางทีอาจมีผลต่อการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ในช่วงฤดูกาลนี้
ซาลาห์ พึ่งหายเจ็บจากการโดน ฮัมซ่า เชาด์ปรี่ ผู้เล่นเลสเตอร์ สิตี้ แทงหนักเมื่อเดือนที่ผ่านมา และก็ในเกมกับ "เรือใบสีฟ้า" เจ้าตัวโดน แฟร์นันดินโญ่ เข้าแทงจนถึงลงไปนอนดิ้นก่อนที่จะกลุ่มหมอจะเข้ามารักษาพยาบาลเบื้องต้น และก็เขาสามารถเล่นได้ต่อจนกระทั่งตอนนาทีที่ 87 พบร์เก้น คล็อปป์ ถึงส่ง โจ โกเมซ ลงไปเล่นแทน
สำหรับลักษณะของการเจ็บที่ข้อเท้าในตอนนี้ยังไม่อาจจะสรุปได้ว่ามากน้อยแค่ไหน เพราะว่านักฟุตบอลยังมิได้เข้ารับการสแกน กระนั้นไม่ว่าผลจะออกมาอย่างงั้น สิ่งที่ หงส์แดง จำเป็นต้องขบคิดก็คือการพัก ซาลาห์ ในบางเกมเพื่อรักษาสภาพร่างกายให้ฟิตบริบูรณ์ ด้วยเหตุดังกล่าวถ้าหาก คล็อปป์ ต้องดร็อปป์ "โม ซาลาห์" แล้วกลุ่มจะเล่นแผนไหนเพื่อทำให้กลุ่มยังคงเล่นได้ดุเดือดดังเดิม
1. ฟีร์มีโน่จับคู่มาเน่
การจับ โรกางร์โต้ ฟีร์มีโน่ ยืนเป็นคู่ขาล่าตาข่ายกับ ซาดิโอ มาเน่ ซึ่งแน่ๆว่าบางครั้งอาจจะมองแปลกๆเนื่องจากระบบนี้ไม่ค่อยได้มองเห็น หงส์แดง เล่นเท่าไรนัก เนื่องจากว่าการใช้สองกองหน้าคู่กันไม่ใช่แท็คติกนายใหญ่ชาวเยอรมันชื่นชมยินดีซักเท่าไหร่
แน่ๆว่าการขาด โม ซาลาห์ ก็ราวกับ "ลิเวอร์พูล" กระพือปีกที่บินไม่ค่อยขึ้น ด้วยเหตุนี้ หงส์แดง จำเป็นมากที่จะต้องหาแนวทางสำหรับเพื่อการแก้ไขนี้ โดยเหตุนั้นการจับ สตาร์ดังกลุ่มชาติเซเนกัล รวมทั้งยอดดาวยิงเลือดบราสิเลียน มายืนเป็นคู่หน้า บางทีอาจจะก่อเรื่องให้กับเกมรับคู่ปรับในระดับนึง
อย่างไรก็แล้วแต่เนื่องจากว่าระบบ 4-4-2 บางทีอาจจะไม่อาจจะแงะสมรรถนะเกมรุกของ "เดอะ เร้ดส์" ออกมาได้สุดกำลัง ซึ่งพูดได้ว่า คล็อปป์ คงจะใช้หนทางนี้เป็นโอกาสท้ายที่สุด ด้วยเหตุว่าการดัน ฟีร์มีโน่ เป็นกองหน้าสุดกำลังมากยิ่งกว่าตำแหน่งฟอลส์ ไนน์ (False9) ก็อย่างกับตัดทอนสมรรถนะของ "บ็อบบี้"
เวลาเดียวกัน มาเน่ สามารถเล่นในตำแหน่งนี้ได้ แม้กระนั้นก็ไม่ใช่งานถนัดของเจ้าตัวเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุดังกล่าวถ้าเกิดกำเนิดกรณีนี้จริงๆคล็อปป์ อาจจำต้องเลือกกลยุทธ์อื่นก่อน เนื่องจากว่าการใช้ระบบกองหน้า 2 ตัว ถือได้ว่าเป็นการลดความดุเดือดของสตาร์ทั้งสองคน
2. แชมเบอร์เลน สวมบทหน้าต่ำ
ต่อเนื่องจากข้อแรกถ้าเกิดต้องจริงๆที่ ผู้จัดการทีมฟุตบอลหน้าเลอะยิ้ม จะเลือกใช้หน้าสองตัว ด้วยเหตุนี้ "เดอะ เร้ดส์" ควรต้องมีหน้าต่ำที่เชื่อถือได้ แล้วก็แน่ๆว่า ณ เวลานี้อาจหนีไม่พ้น อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ที่พร้อมรับบทบาทสำคัญสำหรับการยืนอยู่ข้างหลังกองหน้าคู่
"ชายหนุ่มอ็อกซ์" ทำผลงานก้าวหน้ากับการเล่นในตำแหน่งนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาได้บอกให้เห็นมาแล้วในขณะที่ลงในสนามให้กลุ่มในเกมที่ชนะ อาร์เซน่อล ศึกค้างราบาว คัพ เนื่องด้วยความรู้ความเข้าใจส่วนตัว และก็ความแข็งแกร่งของ แชมเบอร์เลน สามารถจัดแจงกับเกมรับคู่ต่อสู้ได้สบายๆ
นอกจากนั้น อดีตกาลดาวเตะอาร์เซน่อล แล้วก็เซาธ์หมูแฮมป์ตัน ยังมีทีเด็ดหัวข้อการทำประตูด้วยไม่ว่าจะเป็นยิงไกล หรือรอบๆกรอบจุดโทษ แน่ๆว่าผู้เล่นตำแหน่งหน้าต่ำควรจะมีความฉลาดสำหรับในการหาช่องผ่านบอลให้แนวรุกทำแต้ม และก็ถ้าจำเป็นต้องพบกับทางตัน ก็สามารถทำประตูได้ด้วยเหมือนกัน
คุณลักษณะแบบงี้ แชมเบอร์เลน มีครบ เพียงแต่ว่า คล็อปป์ พร้อมที่จะให้เขารับบทบาทสำคัญนี้หรือไม่ นี่แหละเป็นปริศนานายใหญ่หนวดเคราดกควรเป็นคนตอบเอง!!??
3. ทดลองใช้ โอริกี้ ตัวจริง (อีกที)
ครั้งใดก็ตาม มาเน่ กับ ซาลาห์ ไม่อาจจะลงในสนามได้ สิ่งที่ นายใหญ่ชาวเยอรมัน คิดเป็นลำดับแรกก็คือการส่ง ดิว็อค โอริกี้ ดาวเตะชาวเบลเยียม ลงไปเป็นกองหน้าขอบเส้น เพื่อรอติดต่อประสานงานกับอีกสองผู้เล่นที่เหลืออยู่สำหรับเพื่อการจัดแจงกับแนวรับคู่แข่งขัน
ธรรมดาแล้ว โอริกี้ ทราบภาวะของตนเองเป็นเพียงแต่ยางอะไหล่เพียงแค่นั้น เนื่องด้วย คล็อปป์ ชอบใช้สามผสาน "หินเหล็กไฟ" (เอสเอ็มเอฟ) ลงในสนามเสมอๆ ในขณะที่ โอริกี้ จะได้รับจังหวะเป็นตัวจริงเฉพาะในเกมติดอยู่ราบาว คัพ แล้วก็ทำผลงานเจริญสำหรับในการช่วยประคับประครอบครองบรรดาดาวรุ่ง "เดอะ เร้ดส์" สำหรับเพื่อการเล่นถ้วยใบเล็กเมืองผู้ดี
แต่จุดอ่อนสำคัญถ้าหากให้ โอริกี้ ลงเล่นตัวจริงๆก็คือเขาชอบทำผลงานไม่ค่อยดีเมื่อเทียบกับการลงเป็นตัวสำรอง หลายต่อหลายเกมที่ คล็อปป์ เคยจะต้องใช้งาน ดาวยิงชาวเบลเยียม ลงเล่น 11 ตัวจริง เจ้าตัวไม่สามารถที่จะแงะฟอร์มเก่งออกมาได้เลย
ด้วยเหตุนี้แม้ไม่เกินกำลัง ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน อาจใช้ โอริกี้ ในฐานะซูเปอร์ซึมซับมากยิ่งกว่า แต่ว่าถ้าหากว่าไม่มีลู่ทางจริงๆก็อาจจะต้องส่งเขาพอดีจริง เพราะว่าถ้าดูในทางบวก ความเร็ว แล้วก็ความคล่องตัวของนักฟุตบอล สามารถจัดแจงเกมรับของคู่ปรปักษ์ได้เหมือนกัน
4. จับ มาเน่ หน้าเป้า
เวลาเดียวกันการเลือกใช้ มาเน่ ยืนเป็นหน้าเป้าก็บางทีอาจจะเป็นแนวทางที่เยี่ยมสำหรับ หงส์แดง ในยามที่ ซาลาห์ ไม่สามารถที่จะลงไปในสนามได้ แน่ๆว่านี่เป็นตำแหน่งที่รู้จักสำหรับ ดาวเตะชาวเซเนกัล เพราะเหตุว่าเขาเคยปฏิบัติภารกิจนี้มาแล้วหลายเกมเมื่อฤดูก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา
สำหรับระบบนี้ ฟีร์มีโน่ จะยืนเป็นหน้าต่ำ เพื่อรอปฏิบัติหน้าที่ผ่านบอลเด็ดๆให้กับ มาเน่ หรือผู้เล่นแนวรุกผู้อื่นเข้าไปทะลวงในพื้นที่ในที่สุด ด้วยเหตุผลดังกล่าวถ้า คล็อปป์ เลือกใช้ระบบนี้น่าจะเป็นการจัดการปัญหาที่ดียอดในยามที่ ซาลาห์ ไม่สามารถที่จะลงสู่สนามได้
นอกเหนือจากนั้นแผงมิดฟิลด์คงเป็น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ่, จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม สามผสานที่กำลังเล่นได้อย่างเข้ากัน ส่วนอีกคนบางครั้งก็อาจจะเป็น แชมเบอร์เลน หรือบางทีก็อาจจะใช้งาน อดัม ลัลลาน่า เพื่อปฏิบัติภารกิจเชื่อมเกมระหว่างมิดฟิลด์กับแนวรุก
5. ฟีร์มีโน่สวมบทฟอลส์ไนน์
กองหน้าตัวหลอก หรือ ฟอลส์ไนน์ คือระบบที่หลายสมาพันธ์นิยมใช้ แต่ว่าบางสมาคมใช้แล้วประสบความล้มเหลว สำหรับ หงส์แดง พวกเขาสามารถใช้ระบบนี้ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะมีนักเตะอย่าง ฟีร์มีโน่ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพสำหรับการปฏิบัติหน้าที่นี้
ถ้าหากจับ ฟีร์มีโน่ เล่นตำแหน่งฟลอส์ไนน์ งานนี้ มาเน่ จะได้ปฏิบัติหน้าที่เป็นตัวฟรีสำหรับในการวิ่งพล่านไปทั่วสนาม ซึ่งอย่างนี้ ดาวเตะเลือดเซเนกัล ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว เพราะว่าเจ้าตัวขมีขมันสำหรับการวิ่งป่วนปั่นราวกับหนูที่วิ่งพล่านไปทั่วบ้าน
สตาร์ลูกหนังกลุ่มชาติบราซิล ขึ้นชื่อว่าเป็นจอมป้อนบอลให้สหายร่วมกลุ่มอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการให้เจ้าตัวสวมบทกองหน้าตัวหลอก ยิ่งทำให้เขาได้โชว์ประสิทธิภาพถึงแม้ว่าบางครั้งก็อาจจะไม่สุดกำลังพอๆกับการเล่นเป็นหน้าต่ำก็ตาม ลองคิดดูก็แล้วว่ากันว่า "บ็อบบี้" รอแอสซิสต์ให้สหายร่วมกลุ่ม แถมยังทำประตูก็ได้ มันช่างดีต่อดวงใจสำหรับ "เดอะ ค็อป" จริงๆ
สนับสนุนโดยเว็บไซต์ Betufa
|